ผมกับใบเตย (เจ้าสาว) มองภาพงานแต่งไว้แบบเรียบง่าย ไม่ต้องหวือหวา เพื่อไม่ให้ยุ่งยากในการจัดงาน โดยเราเลือก Avani Ratchada Bangkok Hotel (โรงแรมอวานี รัชดา กรุงเทพ) เป็นสถานที่แต่งงานด้วยหลายเหตุผลครับ เริ่มจากการหาทำเลที่แขกของเราจะเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งที่นี่อยู่ติดถนนใหญ่และใกล้รถไฟฟ้าใต้ดินพระราม 9 จากนั้นเราก็มองหาแพ็กเกจงานแต่งที่อยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ตัดสินใจเลือกจัดงานที่นี่คือเซลล์ที่ดูแลเรา คุณติ๋ง ให้คำแนะนำ คอยสอบถามและช่วยเหลือตั้งแต่ตอนนัดเข้าไปดูสถานที่วันแรกจวบจนวันงานเลยครับ
ต้องเตรียมงานภายในเวลาสุดกระชั้น แต่บ่าวสาวก็เอาอยู่!
เราไม่รู้ว่าสำหรับคู่อื่นสิ่งที่ยากที่สุดในการจัดงานแต่งงานคืออะไร แต่สำหรับพวกเราเป็นเรื่องเวลาและความคาดหวังครับ เพราะพวกเราเตรียมงานนี้กันในระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือน
ด้วยระยะเวลาที่ดูน้อย ทำให้พวกเรากังวลว่าจะมีอะไรผิดพลาด แต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียว ก็อยากให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดครับ เพราะฉะนั้นจึงต้องแบ่งหน้าที่ คุยกันให้ชัดเจน ช่วยคัดสรร เลือกสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งเรารู้สึกโชคดีอย่างนึงคือพอเราได้สถานที่แล้ว ก็เหมือนปลดล็อกไปได้หลายอย่าง เพราะแพ็กเกจโรงแรมครอบคลุมทั้งการตกแต่งสถานที่และสต๊าฟที่จะคอยช่วยเหลือในวันงาน ทำให้เราไม่จำเป็นต้องจ้างออแกไนซ์มาเพิ่ม เรียกว่าทั้งประหยัดเวลาและงบด้วยครับ
พอหายห่วงเรื่องสถานที่ เราก็มาช่วยกันเลือกดีไซน์การ์ด ของชำร่วย ของยกน้ำชา ชุดบ่าวสาว ตลอดจนตากล้อง ช่างแต่งหน้า และนายพิธีสำหรับงานเช้า ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก แต่ก็ทันเวลาพอดีครับ
เลือกทุกสิ่งในงานโดยเน้นความเรียบง่าย
เคล็ดลับการเตรียมงานของพวกเราสองคนจะเน้นความเรียบง่าย เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นชุดแต่งงาน การ์ด หรือของชำร่วยก็ดี เราเน้นไปทางที่ดูมินิมอล อย่างของชำร่วยก็เป็นน้ำผึ้งขวดจิ๋ว เป็นตัวแทนของความหวานในชีวิตรัก พกพาได้ง่าย ๆ ดีไซน์แบบน่ารัก ๆ ครับ
ส่วนชุดแต่งงาน เรามีแค่ 2 ชุด คือชุดพิธีหมั้นแบบจีน ซึ่งของใบเตยจะเป็นชุดกระโปรงยาวสีแดง ดูเรียบร้อย ถูกใจผู้ใหญ่ ส่วนของผมเป็นสูทสีครีมครับ พอถึงช่วงงานฉลองก็เป็นชุดสูทสีเทาที่เข้ากับเนคไทสีแดงเส้นเดิมได้และชุดบอลกาวน์ที่เพิ่มความหรูหราขึ้นมา แต่ยังดูคลาสสิกอยู่ครับ
เสริมบรรยากาศเรียบหรูด้วยธีม Earth Tone
เนื่องจากธีมหลักของเราคือความเรียบง่าย เราเลยใช้ธีมสีและการตกแต่งแบบเรียบหรู ดูแพง ไม่ต้องตกแต่งอะไรเยอะ สีธีมของแบ็คดรอปและบนเวทีจะเป็นสีเขียว น้ำตาล Earth Tone เพราะเจ้าสาวชื่อใบเตย ก็เลยเน้นสีเขียวเป็นหลักครับ สำหรับ Dress Code ก็จะมีสีกรมกับชมพู เพื่อที่จะให้แขกหาชุดใส่ได้ไม่ยากครับ
จุดไฮไลต์สำหรับงานเรา คือ ซุ้มอุโมงค์ภาพถ่าย โดยทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้เราอยู่แล้ว ส่วนพวกเราสองคนและเพื่อน ๆ ของใบเตยจะคอยมาช่วยเรียงภาพถ่ายในแต่ละช่วงวัยของบ่าวสาว จนกระทั่งมาเจอกัน เพื่อให้แขกสามารถร่วมชมเรื่องราวของพวกเราผ่านภาพถ่ายในซุ้มนี้ครับ
งานเป็นกันเอง ได้ตัวช่วยเป็นเพื่อน ๆ ลดความตื่นเต้นให้บ่าวสาว
พิธีการช่วงเช้าของเราจะเริ่มตั้งแต่แห่ขันหมาก ซึ่งขบวนขันหมากยาวมาก เพราะเพื่อนเจ้าบ่าวขนกันมาเยอะสุด ๆ จากนั้นก็มีการไปสู่ขอเจ้าสาว จนมาถึงช่วงที่ผมกับคุณแม่เดินไปรับตัวใบเตย ก็เป็นซีนที่พวกเราสองคนเขินกันมาก ๆ เพราะมีกองเชียร์คอยส่งเสียงเฮ วี้ดว้ายกันตลอดทางเดินเลยครับ
ลำดับถัดไปเป็นการสวมแหวนให้กัน อาจจะมีมือสั่นนิด ๆ จากความตื่นเต้น พอจบจากสวมแหวนก็เข้าสู่พิธียกน้ำชา ซึ่งเป็นพิธีแบบจีน โดยครอบครัวของทั้งสองฝั่งขึ้นยกรวมกว่า 20 คู่ กินเวลาไปเกือบชั่วโมง เราถึงกับปวดขากันไปเลยทีเดียวครับ
หลังจากพิธีการช่วงเช้าเสร็จสิ้นหมด พวกเราทั้งสองคนก็รีบเปลี่ยนชุดเพื่องานฉลองในช่วงเที่ยงต่อ โดยเวลาของเรามีอย่างจำกัด เนื่องจากแขกเริ่มทยอยเข้างานกันมาแล้ว
ในส่วนพิธีฉลอง เราได้เพื่อนเจ้าบ่าวมารับหน้าที่เป็นพิธีกร บรรยากาศบนเวทีจะได้ไม่ดูจริงจังมากเกินไปครับ พอพิธีกรคอยรับส่งมุกกับบ่าวสาวได้ ก็จะลดความประหม่าบนเวทีของพวกเราสองคน ซึ่งเพื่อน ๆ ทั้งสองก็ช่วยเหลือพวกเราได้ดีมาก ทำให้บรรยากาศงานไหลลื่น สนุกสุด ๆ บางอย่างไม่ได้เตี๊ยมกันมาก่อนเลยก็มี
นอกจากพิธีกรที่ทำให้บนเวทีไปเงียบเหงาแล้ว แขกข้างล่างเวทีก็คอยส่งเสียงเชียร์ ช่วยพวกเราอย่างกับจ้างมา โดยเฉพาะเสียงที่จำได้ขึ้นใจ “จูบเลย ๆ” ทุกคนพร้อมใจกันตะโกนคำนี้แบบไม่ได้นัดหมาย ทั้งในช่วงท้ายของการพูดคุยบนเวที หรือช่วงตอนตัดเค้ก รินแชมเปญทาวเวอร์ อีกโมเมนต์นึงก็คือช่วงดึงริบบิ้นดอกไม้ ที่แขกในงานให้ความร่วมมือกันเต็มที่ ผมว่าเพื่อน ๆ นี่แหละเป็นสีสันที่สวยงามอย่างนึงในงานของเราเลยครับ
ทุกสิ่งเกิดขึ้นไวเหมือนความฝัน แต่เปี่ยมด้วยความประทับใจ
ทั้งผมและใบเตยนอนไม่หลับตั้งแต่ก่อนวันงาน เพราะมีหลากหลายความรู้สึกปะปนกันไปหมด ทั้งตื่นเต้น ประหม่า ดีใจ ในวันจริง สิ่งที่เตรียมไว้จะพูดบนเวทีก็เลือนหายจากหัวไปหมด ทุกอย่างถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้น ตื้นตัน คนนึงพูดไปสั่นไป อีกคนก็พูดเบาเหมือนคนกระซิบ (หัวเราะ) ทุกอย่างในวันนั้นเหมือนความฝัน ดูไม่น่าเป็นไปได้ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว
สิ่งที่ประทับใจที่สุดคงเป็นการที่แขกทุกท่านเสียสละเวลามาร่วมงานแต่งของเรา โดยเฉพาะแขกฝั่งเจ้าสาวที่ส่วนใหญ่เดินทางมาจากต่างจังหวัด มีตั้งแต่เชียงใหม่ยันยะลา ส่วนใหญ่พองานแต่งจบก็รีบกลับกัน เพราะพรุ่งนี้มีงานต่อ พวกเรารู้สึกซาบซึ้งในความทุ่มเท ยอมเหนื่อยเพื่อมาแสดงความยินดีกับเรา แค่นี้ก็แฮปปี้และเป็นเกียรติสำหรับพวกเรามาก ๆ ครับ
คำแนะนำสำหรับบ่าวสาว
คุยกับคู่ตัวเองว่าชอบแบบไหน : บ่าวสาวต้องคุยให้เยอะ ๆ ตกลงกันให้ดี ทั้งเรื่องรูปแบบงาน อยากให้ภาพงานแต่งออกมาเป็นยังไง รวมถึงดีเทลต่าง ๆ ภายในงาน
หาทางออกร่วมกัน : งานแต่งเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตคู่ อยากได้อะไร ไม่อยากได้อะไรในงาน ก็ต้องเปิดใจคุยกัน และหาทางออกคนละครึ่งทาง หรือทำยังไงก็ได้ให้ทั้งสองคนมีความสุขที่สุดในวันสำคัญของชีวิต
อ่านรีวิวจากหลาย ๆ ที่ : การเลือกทีมงานต่าง ๆ บ่าวสาวต้องอ่านรีวิวจากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลหรือสอบถามเพื่อน ๆ ครอบครัว คนที่เคยใช้บริการแล้ว เพื่อให้ได้สิ่งที่ตรงปกและถูกใจที่สุด
Photographer: ส้มโอรับถ่ายภาพ Bananaladyboyphoto&Films